ชาจีน
อัพเดทล่าสุด: 18 ก.ค. 2025
24 ผู้เข้าชม
ชาจีน ไม่ได้เป็นเพียงแค่เครื่องดื่ม แต่เป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิต ปรัชญา และวัฒนธรรมอันยาวนานนับพันปี ด้วยความหลากหลายของสายพันธุ์ กระบวนการผลิต และวิธีการชง ทำให้ชาจีนมีเสน่ห์เฉพาะตัวที่แตกต่างกันไป ชาจีนแบ่งออกเป็นหลักๆ 6 ชนิดใหญ่ๆ ซึ่งแต่ละชนิดก็มีเอกลักษณ์โดดเด่นในด้านสี กลิ่น รส และประโยชน์ต่อสุขภาพ
1. ชาขาว (White Tea - 白茶)
ชาขาว ถือเป็นชาที่ผ่านกระบวนการน้อยที่สุดและบริสุทธิ์ที่สุด ชาขาวทำจากยอดอ่อนและใบชาที่ยังไม่คลี่ตัว ซึ่งถูกเก็บเกี่ยวในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ ก่อนที่ตูมชาจะบานสะพรั่ง หลังจากเก็บเกี่ยวแล้วจะนำไปผึ่งและตากแห้งด้วยแสงแดดหรือในที่ร่ม เพื่อให้ใบชาเหี่ยวและแห้งไปตามธรรมชาติ โดยไม่มีการนวดหรือหมักเลย ทำให้ใบชายังคงมีขนอ่อนสีขาวเงินปกคลุมอยู่
ลักษณะ: ใบชาแห้งมีสีขาวเงินปนเขียวอ่อน เมื่อชงแล้วให้น้ำชามีสีเหลืองอ่อนใส
กลิ่นและรสชาติ: มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ละมุนละไม รสชาติอ่อนโยน นุ่มนวล ชุ่มคอ และมีรสหวานเล็กน้อย
ประโยชน์: อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidants) สูงที่สุดในบรรดาชาทุกชนิด เชื่อว่าช่วยชะลอวัย ลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง และเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
ชาขาวที่รู้จักกันดี:
ไป๋หาวหยินเจิน (Silver Needle): ทำจากยอดชาตูมเดียวล้วนๆ ถือเป็นชาขาวชั้นเลิศ
ไป๋หมู่ตาน (White Peony): ทำจากยอดชาและใบชาสองใบที่อยู่ถัดจากยอด
2. ชาเขียว (Green Tea - 绿茶)
ชาเขียว เป็นชาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดและมีการผลิตมากที่สุดในจีน ชาเขียวจะถูกหยุดการหมัก (Oxidation) ทันทีหลังจากเก็บเกี่ยว โดยการนำไปคั่วด้วยความร้อนสูง หรือนึ่งไอน้ำ ซึ่งเป็นกระบวนการที่ทำให้ใบชายังคงสีเขียวสดและรักษาสารสำคัญต่างๆ ไว้ได้อย่างเต็มที่
ลักษณะ: ใบชาแห้งมีสีเขียวสด เมื่อชงแล้วให้น้ำชามีสีเขียวอมเหลือง
กลิ่นและรสชาติ: มีกลิ่นหอมสดชื่นคล้ายพืชพรรณ หรือบางชนิดอาจมีกลิ่นหอมคล้ายถั่วคั่ว รสชาติหลากหลายตั้งแต่กลมกล่อมไปจนถึงเข้มข้น และมักมีรสขมฝาดปลายลิ้นเล็กน้อย
ประโยชน์: อุดมด้วยสาร EGCG ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยลดไขมันในเลือด ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ ป้องกันมะเร็ง และช่วยในการลดน้ำหนัก
ชาเขียวที่รู้จักกันดี:
หลงจิ่ง (Dragon Well): ชาเขียวที่มีชื่อเสียงที่สุดจากเมืองหางโจว รสชาติกลมกล่อม หอมมัน
ปี้หลัวชุน (Bi Luo Chun): ชาเขียวที่มีกลิ่นหอมคล้ายดอกไม้และผลไม้
เมาเจียน (Mao Jian): ชาเขียวจากเทือกเขาที่มีกลิ่นหอมสดชื่น
3. ชาเหลือง (Yellow Tea - 黄茶)
ชาเหลือง เป็นชาที่หายากที่สุดและมีกระบวนการผลิตที่ซับซ้อนและละเอียดอ่อน เป็นชาที่อยู่กึ่งกลางระหว่างชาเขียวกับชาอู่หลง หลังจากผ่านกระบวนการหยุดการหมักแล้ว จะมีการนำไปหมักชื้น (Smothering) ในสภาพแวดล้อมที่ควบคุมอุณหภูมิและความชื้น ทำให้ใบชามีสีเหลืองและมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว
ลักษณะ: ใบชาแห้งมีสีเหลือง เมื่อชงแล้วให้น้ำชามีสีเหลืองทอง
กลิ่นและรสชาติ: มีกลิ่นหอมอ่อนๆ คล้ายถั่วคั่ว หรือมีกลิ่นหอมหวานคล้ายขนมปัง รสชาติอ่อนโยน นุ่มนวล ไม่มีรสขมฝาด
ประโยชน์: เชื่อว่าช่วยย่อยอาหาร บรรเทาอาการอาหารไม่ย่อย และมีสารต้านอนุมูลอิสระ
ชาเหลืองที่รู้จักกันดี:
จวินซานอิ๋นเจิน (Junshan Silver Needle): ชาเหลืองชั้นเลิศจากมณฑลหูหนาน
เมิ่งติ่งหวงหยา (Mengding Huangya): ชาเหลืองจากมณฑลเสฉวน
4. ชาอู่หลง (Oolong Tea - 乌龙茶)
ชาอู่หลง หรือ ชาดำมังกร เป็นชาที่ผ่านกระบวนการหมักบางส่วน (Partial Oxidation) ซึ่งอยู่ระหว่างชาเขียว (ไม่หมัก) และชาดำ (หมักเต็มที่) กระบวนการผลิตชาอู่หลงมีความซับซ้อนและใช้เวลานาน โดยจะมีการผึ่งชา เขย่าชา และหมักชาเป็นระยะๆ ทำให้เกิดความหลากหลายของกลิ่นและรสชาติอย่างมหาศาล
ลักษณะ: ใบชาแห้งมีสีเขียวเข้มไปจนถึงน้ำตาลดำ เมื่อชงแล้วให้น้ำชามีสีเหลืองทองถึงส้มแดง
กลิ่นและรสชาติ: มีความหลากหลายสูง ตั้งแต่กลิ่นดอกไม้ ผลไม้ ไปจนถึงกลิ่นคั่ว รสชาติกลมกล่อม ซับซ้อน ชุ่มคอ และมีอาฟเตอร์เทสต์ที่ยาวนาน
ประโยชน์: ช่วยลดคอเลสเตอรอล ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด เสริมสร้างระบบเผาผลาญ และมีสารต้านอนุมูลอิสระ
ชาอู่หลงที่รู้จักกันดี:
เถี่ยกวนอิน (Tie Guan Yin): ชาอู่หลงที่มีชื่อเสียงจากฝูเจี้ยน มีกลิ่นหอมคล้ายกล้วยไม้
ต้าหงเผา (Da Hong Pao): ชาอู่หลงจากเขาบู๊อี้ซาน มีกลิ่นหอมคั่วเข้มข้น
ฟ่งหวงตานฉง (Fenghuang Dancong): ชาอู่หลงที่มีความหลากหลายของกลิ่นและรสชาติคล้ายผลไม้ ดอกไม้ หรือเครื่องเทศ
5. ชาดำ (Black Tea - 红茶)
ชาดำ ในภาษาจีนเรียกว่า ชาแดง (红茶 - Hóngchá) เนื่องจากน้ำชามีสีแดงเข้ม ชาดำเป็นชาที่ผ่านกระบวนการหมักเต็มที่ (Full Oxidation) ทำให้ใบชามีสีเข้มและมีกลิ่นรสที่เข้มข้น กระบวนการหมักนี้จะเปลี่ยนสารเคมีในใบชา ทำให้เกิดรสชาติและสีที่เป็นเอกลักษณ์
ลักษณะ: ใบชาแห้งมีสีน้ำตาลแดงถึงดำสนิท เมื่อชงแล้วให้น้ำชามีสีแดงเข้มถึงน้ำตาลแดง
กลิ่นและรสชาติ: มีกลิ่นหอมเข้มข้นคล้ายมอลต์ น้ำผึ้ง หรือดอกไม้ รสชาติเข้มข้น หอมหวาน มีบอดี้ที่หนักแน่น
ประโยชน์: ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ และให้พลังงาน
ชาดำที่รู้จักกันดี:
คีมุน (Keemun): ชาดำที่มีชื่อเสียงจากมณฑลอานฮุย มีกลิ่นหอมคล้ายดอกกล้วยไม้และช็อกโกแลต
ยูนนาน (Yunnan): ชาดำจากมณฑลยูนนาน มีกลิ่นและรสคล้ายโกโก้หรือมอลต์
6. ชาผูเอ๋อร์ (Pu-erh Tea - 普洱茶)
ชาผูเอ๋อร์ เป็นชาที่มาจากมณฑลยูนนาน และเป็นชาหมักบ่มพิเศษที่แตกต่างจากชาชนิดอื่นๆ มีการหมักทั้งแบบธรรมชาติ (หมักตามกาลเวลา) และหมักแบบเร่ง (กระบวนการ Wò Dūi) ชาผูเอ๋อร์ยิ่งเก่ายิ่งมีราคาและรสชาติดีขึ้น
ลักษณะ: ใบชาแห้งมีสีน้ำตาลเข้มถึงดำสนิท มักอัดเป็นก้อนกลม (ชาแผ่น) หรือก้อนรูปทรงอื่นๆ เมื่อชงแล้วให้น้ำชามีสีน้ำตาลเข้มถึงดำ
กลิ่นและรสชาติ: ชาผูเอ๋อร์ดิบจะมีกลิ่นหอมสะอาด คล้ายป่าเขา รสชาติเข้มข้นและฝาดเล็กน้อยเมื่อยังอ่อน แต่เมื่อบ่มนานขึ้นจะนุ่มนวลและซับซ้อนขึ้น ชาผูเอ๋อร์สุกจะมีกลิ่นดิน กลิ่นไม้ และรสชาติที่นุ่มนวล กลมกล่อม และมีบอดี้ที่หนักแน่น
ประโยชน์: ช่วยลดไขมันในเลือด ช่วยย่อยอาหาร โดยเฉพาะอาหารที่มีไขมันสูง และเชื่อว่าช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย
ชาผูเอ๋อร์ที่รู้จักกันดี:
ผูเอ๋อร์เซิงฉา (Raw Pu-erh): ชาผูเอ๋อร์ที่ผ่านการหมักตามธรรมชาติ
ผูเอ๋อร์สุกฉา (Ripe Pu-erh): ชาผูเอ๋อร์ที่ผ่านกระบวนการหมักเร่ง
นอกจากชา 6 ชนิดหลักนี้แล้ว ยังมีชาดอกไม้ (Flower Tea) เช่น ชาดอกมะลิ (Jasmine Tea) หรือ ชาเก๊กฮวย (Chrysanthemum Tea) ที่นำดอกไม้มาผสมกับชาเพื่อเพิ่มกลิ่นหอม หรือชาผสมสมุนไพรอื่นๆ ซึ่งล้วนแล้วแต่สะท้อนให้เห็นถึงความหลากหลายและความประณีตในวัฒนธรรมชาจีน
การทำความเข้าใจในประเภทของชาจีน จะช่วยให้คุณสามารถเลือกชาที่เหมาะกับรสนิยมและความต้องการของคุณได้อย่างแท้จริง และเปิดประตูสู่โลกอันน่าทึ่งของชาจีนที่เต็มไปด้วยเรื่องราวและเสน่ห์เฉพาะตัว
1. ชาขาว (White Tea - 白茶)
ชาขาว ถือเป็นชาที่ผ่านกระบวนการน้อยที่สุดและบริสุทธิ์ที่สุด ชาขาวทำจากยอดอ่อนและใบชาที่ยังไม่คลี่ตัว ซึ่งถูกเก็บเกี่ยวในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ ก่อนที่ตูมชาจะบานสะพรั่ง หลังจากเก็บเกี่ยวแล้วจะนำไปผึ่งและตากแห้งด้วยแสงแดดหรือในที่ร่ม เพื่อให้ใบชาเหี่ยวและแห้งไปตามธรรมชาติ โดยไม่มีการนวดหรือหมักเลย ทำให้ใบชายังคงมีขนอ่อนสีขาวเงินปกคลุมอยู่
ลักษณะ: ใบชาแห้งมีสีขาวเงินปนเขียวอ่อน เมื่อชงแล้วให้น้ำชามีสีเหลืองอ่อนใส
กลิ่นและรสชาติ: มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ละมุนละไม รสชาติอ่อนโยน นุ่มนวล ชุ่มคอ และมีรสหวานเล็กน้อย
ประโยชน์: อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidants) สูงที่สุดในบรรดาชาทุกชนิด เชื่อว่าช่วยชะลอวัย ลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง และเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
ชาขาวที่รู้จักกันดี:
ไป๋หาวหยินเจิน (Silver Needle): ทำจากยอดชาตูมเดียวล้วนๆ ถือเป็นชาขาวชั้นเลิศ
ไป๋หมู่ตาน (White Peony): ทำจากยอดชาและใบชาสองใบที่อยู่ถัดจากยอด
2. ชาเขียว (Green Tea - 绿茶)
ชาเขียว เป็นชาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดและมีการผลิตมากที่สุดในจีน ชาเขียวจะถูกหยุดการหมัก (Oxidation) ทันทีหลังจากเก็บเกี่ยว โดยการนำไปคั่วด้วยความร้อนสูง หรือนึ่งไอน้ำ ซึ่งเป็นกระบวนการที่ทำให้ใบชายังคงสีเขียวสดและรักษาสารสำคัญต่างๆ ไว้ได้อย่างเต็มที่
ลักษณะ: ใบชาแห้งมีสีเขียวสด เมื่อชงแล้วให้น้ำชามีสีเขียวอมเหลือง
กลิ่นและรสชาติ: มีกลิ่นหอมสดชื่นคล้ายพืชพรรณ หรือบางชนิดอาจมีกลิ่นหอมคล้ายถั่วคั่ว รสชาติหลากหลายตั้งแต่กลมกล่อมไปจนถึงเข้มข้น และมักมีรสขมฝาดปลายลิ้นเล็กน้อย
ประโยชน์: อุดมด้วยสาร EGCG ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยลดไขมันในเลือด ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ ป้องกันมะเร็ง และช่วยในการลดน้ำหนัก
ชาเขียวที่รู้จักกันดี:
หลงจิ่ง (Dragon Well): ชาเขียวที่มีชื่อเสียงที่สุดจากเมืองหางโจว รสชาติกลมกล่อม หอมมัน
ปี้หลัวชุน (Bi Luo Chun): ชาเขียวที่มีกลิ่นหอมคล้ายดอกไม้และผลไม้
เมาเจียน (Mao Jian): ชาเขียวจากเทือกเขาที่มีกลิ่นหอมสดชื่น
3. ชาเหลือง (Yellow Tea - 黄茶)
ชาเหลือง เป็นชาที่หายากที่สุดและมีกระบวนการผลิตที่ซับซ้อนและละเอียดอ่อน เป็นชาที่อยู่กึ่งกลางระหว่างชาเขียวกับชาอู่หลง หลังจากผ่านกระบวนการหยุดการหมักแล้ว จะมีการนำไปหมักชื้น (Smothering) ในสภาพแวดล้อมที่ควบคุมอุณหภูมิและความชื้น ทำให้ใบชามีสีเหลืองและมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว
ลักษณะ: ใบชาแห้งมีสีเหลือง เมื่อชงแล้วให้น้ำชามีสีเหลืองทอง
กลิ่นและรสชาติ: มีกลิ่นหอมอ่อนๆ คล้ายถั่วคั่ว หรือมีกลิ่นหอมหวานคล้ายขนมปัง รสชาติอ่อนโยน นุ่มนวล ไม่มีรสขมฝาด
ประโยชน์: เชื่อว่าช่วยย่อยอาหาร บรรเทาอาการอาหารไม่ย่อย และมีสารต้านอนุมูลอิสระ
ชาเหลืองที่รู้จักกันดี:
จวินซานอิ๋นเจิน (Junshan Silver Needle): ชาเหลืองชั้นเลิศจากมณฑลหูหนาน
เมิ่งติ่งหวงหยา (Mengding Huangya): ชาเหลืองจากมณฑลเสฉวน
4. ชาอู่หลง (Oolong Tea - 乌龙茶)
ชาอู่หลง หรือ ชาดำมังกร เป็นชาที่ผ่านกระบวนการหมักบางส่วน (Partial Oxidation) ซึ่งอยู่ระหว่างชาเขียว (ไม่หมัก) และชาดำ (หมักเต็มที่) กระบวนการผลิตชาอู่หลงมีความซับซ้อนและใช้เวลานาน โดยจะมีการผึ่งชา เขย่าชา และหมักชาเป็นระยะๆ ทำให้เกิดความหลากหลายของกลิ่นและรสชาติอย่างมหาศาล
ลักษณะ: ใบชาแห้งมีสีเขียวเข้มไปจนถึงน้ำตาลดำ เมื่อชงแล้วให้น้ำชามีสีเหลืองทองถึงส้มแดง
กลิ่นและรสชาติ: มีความหลากหลายสูง ตั้งแต่กลิ่นดอกไม้ ผลไม้ ไปจนถึงกลิ่นคั่ว รสชาติกลมกล่อม ซับซ้อน ชุ่มคอ และมีอาฟเตอร์เทสต์ที่ยาวนาน
ประโยชน์: ช่วยลดคอเลสเตอรอล ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด เสริมสร้างระบบเผาผลาญ และมีสารต้านอนุมูลอิสระ
ชาอู่หลงที่รู้จักกันดี:
เถี่ยกวนอิน (Tie Guan Yin): ชาอู่หลงที่มีชื่อเสียงจากฝูเจี้ยน มีกลิ่นหอมคล้ายกล้วยไม้
ต้าหงเผา (Da Hong Pao): ชาอู่หลงจากเขาบู๊อี้ซาน มีกลิ่นหอมคั่วเข้มข้น
ฟ่งหวงตานฉง (Fenghuang Dancong): ชาอู่หลงที่มีความหลากหลายของกลิ่นและรสชาติคล้ายผลไม้ ดอกไม้ หรือเครื่องเทศ
5. ชาดำ (Black Tea - 红茶)
ชาดำ ในภาษาจีนเรียกว่า ชาแดง (红茶 - Hóngchá) เนื่องจากน้ำชามีสีแดงเข้ม ชาดำเป็นชาที่ผ่านกระบวนการหมักเต็มที่ (Full Oxidation) ทำให้ใบชามีสีเข้มและมีกลิ่นรสที่เข้มข้น กระบวนการหมักนี้จะเปลี่ยนสารเคมีในใบชา ทำให้เกิดรสชาติและสีที่เป็นเอกลักษณ์
ลักษณะ: ใบชาแห้งมีสีน้ำตาลแดงถึงดำสนิท เมื่อชงแล้วให้น้ำชามีสีแดงเข้มถึงน้ำตาลแดง
กลิ่นและรสชาติ: มีกลิ่นหอมเข้มข้นคล้ายมอลต์ น้ำผึ้ง หรือดอกไม้ รสชาติเข้มข้น หอมหวาน มีบอดี้ที่หนักแน่น
ประโยชน์: ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ และให้พลังงาน
ชาดำที่รู้จักกันดี:
คีมุน (Keemun): ชาดำที่มีชื่อเสียงจากมณฑลอานฮุย มีกลิ่นหอมคล้ายดอกกล้วยไม้และช็อกโกแลต
ยูนนาน (Yunnan): ชาดำจากมณฑลยูนนาน มีกลิ่นและรสคล้ายโกโก้หรือมอลต์
6. ชาผูเอ๋อร์ (Pu-erh Tea - 普洱茶)
ชาผูเอ๋อร์ เป็นชาที่มาจากมณฑลยูนนาน และเป็นชาหมักบ่มพิเศษที่แตกต่างจากชาชนิดอื่นๆ มีการหมักทั้งแบบธรรมชาติ (หมักตามกาลเวลา) และหมักแบบเร่ง (กระบวนการ Wò Dūi) ชาผูเอ๋อร์ยิ่งเก่ายิ่งมีราคาและรสชาติดีขึ้น
ลักษณะ: ใบชาแห้งมีสีน้ำตาลเข้มถึงดำสนิท มักอัดเป็นก้อนกลม (ชาแผ่น) หรือก้อนรูปทรงอื่นๆ เมื่อชงแล้วให้น้ำชามีสีน้ำตาลเข้มถึงดำ
กลิ่นและรสชาติ: ชาผูเอ๋อร์ดิบจะมีกลิ่นหอมสะอาด คล้ายป่าเขา รสชาติเข้มข้นและฝาดเล็กน้อยเมื่อยังอ่อน แต่เมื่อบ่มนานขึ้นจะนุ่มนวลและซับซ้อนขึ้น ชาผูเอ๋อร์สุกจะมีกลิ่นดิน กลิ่นไม้ และรสชาติที่นุ่มนวล กลมกล่อม และมีบอดี้ที่หนักแน่น
ประโยชน์: ช่วยลดไขมันในเลือด ช่วยย่อยอาหาร โดยเฉพาะอาหารที่มีไขมันสูง และเชื่อว่าช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย
ชาผูเอ๋อร์ที่รู้จักกันดี:
ผูเอ๋อร์เซิงฉา (Raw Pu-erh): ชาผูเอ๋อร์ที่ผ่านการหมักตามธรรมชาติ
ผูเอ๋อร์สุกฉา (Ripe Pu-erh): ชาผูเอ๋อร์ที่ผ่านกระบวนการหมักเร่ง
นอกจากชา 6 ชนิดหลักนี้แล้ว ยังมีชาดอกไม้ (Flower Tea) เช่น ชาดอกมะลิ (Jasmine Tea) หรือ ชาเก๊กฮวย (Chrysanthemum Tea) ที่นำดอกไม้มาผสมกับชาเพื่อเพิ่มกลิ่นหอม หรือชาผสมสมุนไพรอื่นๆ ซึ่งล้วนแล้วแต่สะท้อนให้เห็นถึงความหลากหลายและความประณีตในวัฒนธรรมชาจีน
การทำความเข้าใจในประเภทของชาจีน จะช่วยให้คุณสามารถเลือกชาที่เหมาะกับรสนิยมและความต้องการของคุณได้อย่างแท้จริง และเปิดประตูสู่โลกอันน่าทึ่งของชาจีนที่เต็มไปด้วยเรื่องราวและเสน่ห์เฉพาะตัว
บทความที่เกี่ยวข้อง
ชาเป็นเครื่องดื่มที่มีคุณค่าทางโภชนาการและสารพฤกษเคมี(phytochemicals) ที่น่าสนใจมากมายสารเหล่านี้ทำงานร่วมกันเพื่อสร้างสรรพคุณที่เป็นเอกลักษณ์ของชาแต่ละชนิด
4 ส.ค. 2025